การกระจายอำนาจและคุณลักษณะผู้นำประเทศ อ. เอกรินทร์ ต่วนศิริ คณะรัฐศาสตร์ ม. สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จากเวทีเสวนาสาธารณะออนไลน์ New (ab)normal ทางการเมือง?? โดยเครือข่าย We Watch เวลา 14.00-16.30 น. วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2563
เราเข้าใจกันดีว่าตอนนี้ยังไม่มีการเลือกตั้ง ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเดิมเป็นผู้รักษาหรือหรือปลัดรักษาการแทนนายกเทศนาหรือที่ที่ไม่มีนายกคนเดิม เราต้องเข้าใจว่าเรายังไม่มีการเลือกตั้งมา 6-7 ปีที่ผ่านมา
องค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น ตลอดที่ผ่านมา หลังจากรัฐธรรมนูญ 40 มีอำนาจ อยู่ในสภาพบังคับให้รัฐกระจายอำนาจ ซึ่งช่วงที่ผ่านมา เราเห็นบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เราเห็นบทบาทชัดมากในการจัดการเรื่องของท้องถิ่นในแต่ละที่
หลังจากที่เรามีรัฐประหาร 2 ครั้ง ส่งผลต่อการกระจายอำนาจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากงานวิจัยของผม ข้าราชการท้องถิ่นสะท้อนให้เห็นว่า หลังจากไม่มีผู้บริหารและให้ปลัดเข้าดูแลเทนตำแหน่งนายกเทศมนตรี สะท้อนแง่มุมนโยบายนั้นตามรัฐบาลกลางหมดเลย ไม่มีใครกล้าทำโครงการใหม่ ๆ เพราะ สตง. จะเข้ามาตรวจสอบ ทำให้ท้องถิ่นไม่กล้าทำงานตอบสนองปัญหาใหม่ ๆ
องค์กรส่วนท้องถิ่นจะมีการทำแผน 3-5 ปีในเรื่องงบประมาณหรือทรัพยากรบุคคล คำถามสำคัญคือ ท้องถิ่นได้ตอบสนองปัญหาในแต่ละพื้นที่มั้ย ในรอบที่ผ่านมาหลังรัฐประหาร ท้องถิ่นไม่สามารถตอบสนองปัญหาโจทย์ใหม่ ๆ ได้เลยโดยเฉพาะประเด็นชาติแดน เพราะนโยบายเดิมไม่สามารถรองรับสถานการณ์ใหม่ การข้ามแดน ผู้ร้ายข้ามแดนได้เลย
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตอนนี้มี 7000 กว่าแห่งทั่งประเทศ มี อบจ. ประจำจังหวัด มีเทศบาล การปรับเปลี่ยนการยกฐานะต่าง ๆ มีความพยายามยกฐานะตัวเองให้เข้ามามีอำนาจในการจัดการ ให้เข้าระเบียบเงื่อนไข หากมีการเลือกตั้งต่อไป เทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะพยายามยกฐานะของตัวเองตามกฎเกณฑ์
สิ่งสำคัญคือ ท้องถิ่นต่าง ๆ มีความแตกต่างกันมาก อยู่ในแบบคิดแบบเดิม สิ่งที่เป็นตัวกำหนดคือ รัฐธรรมนูญในปัจจุบัน โดยเฉพาะแผนบุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ท้องถิ่นต่าง ๆ จะต้องเขียนแผนให้เข้ากับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้ได้รับงบประมาณ ทำให้ท้องถิ่นต่าง ๆ ไม่สามารถคิดนอกกรอบได้ ไม่มีผู้บริหารที่ mandate มาจากประชาชน
การคุยกับอดีตผู้สมัครนายก อบต. และเทศบาล เค้ากลัวว่าการทำโครงการหรือการคิดอะไรต่าง ๆ จะถูกตรวจสอบจาก สตง. ไม่ได้มีอิสระการจัดทำโครงการต่าง ๆ ที่ตอบสนองกับท้องถิ่นอย่างที่ผ่านมา
ช่วงที่ผ่านมา มีประเด็นโควิด-19 ให้บทบาทท้องถิ่น ให้เงินท้องถิ่นเข้าไปช่วยเหลือ เงินจำนวนพันกว่าล้านบาทที่ท้องถิ่นเข้าไปจัดการ แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มีบทบาท อำนาจสูงสุด แต่หน่วยงานท้องถิ่นเป็นเพียงผู้รับคำสั่ง ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าเราอยู่ในระบบราชการอย่างเต็มรูปแบบ
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา กอ.รมน. และผู้ใหญ่บ้าน —- ส่งผลให้จินตนาการของผู้คนในท้องถิ่นต้องพึ่งระบบราชการที่มาขึ้น นักการเมืองท้องถิ่นไม่มีบทบาทมากนักต่อสิ่งที่เกิดขึ้น อาจมีบางจังหวัดที่มี อบจ. ที่แข้มแข็ง แต่ก็ผูกโยงกับพรรคการเมือง
พลวัตทางการเมืองของท้องถิ่น การเลือกตั้งหรือระบบที่จะทำให้ท้องถิ่นมีประสิทธิภาพและคุณภาพจะต้องยึดโยงกับรัฐราชการ คือผู้ว่า และพรรคการเมืองที่อยู่กับขั่วอำนาจทางการเมือง ท้องถิ่นนั้น ๆ จะไปได้เร็ว

นท้องถิ่นทางใต้ อบจ. จังหวัดหนึ่งผูกกับ อบจ. ทางอีสาน ทำให้เกิดการช่วยเหลือกัน ตอนนี้มีการข้ามแดนกันมากขึ้นภายใน จากอีสานเข้ามาช่วย อบจ. หนึ่งทางภาคใต้ผ่านทางกีฬาหรือเรื่องอื่น ๆ มีการเชื่อมโยงในระยะหลังที่เห็น
ระยะโควิด ทางใต้จะเป็นคนแสนกว่าคนเดินทางจากมาเลเซีย แต่ดูเพจ อบต.ที่ติดชายแดน บทบาทของพวกเขาต้องยึดโยงกับคำสั่งของผู้ว่า จะต้องของบประมาณที่ต้องอาศัยความร่วมมือ ความใกล้ชิดกับผู้ว่าฯจังหวัด ทำให้ไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์โควิดได้เลย
เรื่องของท้องถิ่น เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นภาพรวมของการเมืองทั้งประเทศ สะท้อนภาพรวมของรัฐไทย ที่ปฏิเสธการกระจายอำนาจอย่างแน่นอน
ทั้งในกรุงเทพหรือในท้องถิ่นต่าง ๆ ก็ไม่มีวี่แววของการเลือกตั้งว่าจะมีเมื่อไหร่ เราอาจจะไม่มีการกระจายอำนาจเลยแล้วก็ได้ในปัจจุบัน เพราะขึ้นอยู่กับข้างบน แทบจะเบ็ดเสร็จผ่าน กอ.รมน. หรือมหาดไทย และกลไกของรัฐต่าง ๆ
ถ้าเราดูปรากฎการณ์ COVID-19 และผู้นำระดับประเทศสู่ผู้นำระดับท้องถิ่น เราเผชิญสิ่งสำคัญมากคือ ผู้นำที่เป็นอยู่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการและความใฝ่ฝันของคนหรือคนรุ่นใหม่ได้เลย สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรี ผู้นำทางการเมือง ใช้ระบบราชการและความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งที่ผ่านมา และลอยตัวจากปัญหา
หากเทียบกับนิวซีแลนด์หรือเยอรมนี เรายังเผชิญกับวิกฤติ สะท้อนให้เห็นภาวะการนำของชนชั้นนำไทย พยายามไม่ให้เสียงคนรุ่นใหม่หรือเสียงคนเล็กคนน้อยโผล่มาในพื้นที่สาธารณะ และทำให้วาทกรรมปิดบ้าน เอาสุขภาพนำเป็นข้ออ้าง ทำให้การบริการจัดการในภาพรวมของประเทศตกอยู่ในอำนาจของผู้ที่เชี่ยวชาญ เป็นวาทกรรมที่ลดเสียงของคนเล็กคนน้อย คนตกทุกข์ได้ยากจริง ๆ ความโหดร้ายของการอุ้มหาย ทำให้สังคมไทยกลับไปสู่เรื่องการใช้อำนาจนิยมเบ็ดเสร็จมากขึ้น